Netflixกำลังจะมีซีรีส์เข้าใหม่ชื่อBlockbuster

Netflix ตลกร้ายสร้างซีรี่ย์จิกกัดอดีตร้านเช่าวีดีโอชื่อดังอย่าง Blockbuster

ในวันพรุ่ง (3 พ.ย.) Netflix กำลังมีซีรีส์เข้าใหม่ชื่อ Blockbuster เป็นซีรีส์ขำขันเกี่ยวกับร้านค้าเช่าหนัง Blockbuster ร้านค้าสุดท้ายในอเมริกา ที่ผู้จัดการร้านทุ่มเททุกอย่างเพื่อประคับประคองให้ร้านค้าอยู่รอดต่อไปได้ ผลิตมาจากจากทีมผู้ผลิตซิทคอมดัง Brooklyn Nine-Nine

และล่าสุดพวกเราก็ได้ไปพบมาว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้เปลี่ยนเป็นกระแสบนกระดานข่าว Reddit แต่ว่าไม่ใช่กระแสว่าตัวซีรีส์น่าดูอะไรปกติแบบงั้น แต่ว่าเป็นกระแสที่คนจำนวนไม่น้อยออกมาเห็นเหมือนกันว่า Netflix นี่โหดจริงๆเนื่องจากว่า Netflix นี่แหละเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ร้านค้า Blockbuster เจ๊ง!!

Brooklyn

ร้าน Blockbuster เนี่ย เป็นแฟรนไชส์ร้านค้าเช่าหนังที่เคยดังมากๆในสหรัฐอเมริกายุค 90s

กระทั่งไปถึงต้นยุค 2000s พูดได้ว่ามีอยู่เกือบจะทั่วประเทศ และได้ขยายสาขาไปยังต่างประเทศอีกกระทั่งมีสาขารวมกว่า 9,000 สาขาทั่วโลกในปี 2004

ก่อนที่ช่วงจะเปลี่ยนไป Netflix ที่เป็นสตรีมมิ่งดังเจ้าแรกได้เกิดขึ้นมา ทำให้ความนิยมชมชอบของร้านค้า Blockbuster ถดถอยลงเรื่อยกระทั่งบริษัทยื่นล้มละลายในปี 2010 และจากนั้นก็ทยอยปิดสาขาลงเรื่อยๆ

กระทั่งปัจจุบันร้านค้า Blockbuster มีคงเหลือเพียงสาขาเดียวแค่นั้นที่เมือง Bend เมืองโอเรกอน สหรัฐอเมริกา

Blockbuster

หัวข้อบน Reddit ที่ได้ยกประเด็นนี้มาบอกนั้นก็กำลังเป็นไวรัลอย่างแรงช่วงนี้

โดยมีคนกดอัปโหวตหัวข้อมากถึงกว่า 77,000 ครั้งแล้ว และมีชาวเน็ตมาคอมเมนต์กันเยอะแยะ อาทิเช่น

“นี่มันเหมือนฆ่าคนเสร็จแล้วขี้บนศพซ้ำเลย”

“ตอนที่ Blockbuster ตัดสินใจไม่ซื้อกิจการ Netflix พวกเขาคงไม่คิดว่าอนาคตมันจะออกมาแบบนี้”

“เดี๋ยวอนาคตคงมีซีรีส์เรื่อง Netflix บน Disney+” แล้วก็มีคนคอมเมนต์ต่อว่า “ซีรีส์ Disney+ เร็วๆ นี้บน Prime Video”

นอกจากกระทู้บน Reddit แล้ว คอมเมนต์ของตัวอย่างซีรีส์เรื่องนี้ก็พูดถึงประเด็นเดียวกัน เช่น

“นี่มันเหมือน Netflix เอามีดจ้วงใส่ Blockbuster ชัดๆ”

“ลองนึกถึงการเป็น Netflix ที่ถูก Blockbuster หัวเราะเยาะใส่ตอนนั้น แล้วอีก 15 ปีต่อมาก็ได้สร้างซีรีส์ร้านสุดท้ายของบริษัทที่หัวเราะเยาะใส่เมื่อ 15 ปีก่อน”

“ผมจะรักเลยถ้าเรื่องนี้จะมีแค่ซีซั่นเดียวแล้วจะถูกแคนเซิล เพราะนั่นจะทำให้ Netflix ได้แคนเซิล Blockbuster ถึงสองครั้ง”

ขอบคุณที่มา CatDumb